รองเท้าผ้าใบถูก vs แพง ต่างกันตรงไหน? มีผลกับสุขภาพระยะยาวแค่ไหน? ทำไมรองเท้าแพงถึงยังขายได้?

ทุกวันนี้รองเท้าผ้าใบกลายเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวันของใครหลายคน (รวมทั้งตัวผมเองด้วย) ไม่ว่าจะใส่ออกกำลังกาย ใส่ไปเรียน ใส่ไปทำงาน (ใส่กับสูทก็ได้นะ) หรือแม้แต่ใส่เที่ยว แต่พอคิดว่าอยากได้รองเท้าผ้าใบสักคู่ หลายคนก็ต้องพบกับคำถามคลาสสิก "รองเท้าผ้าใบราคาถูกกับแพงต่างกันแค่ไหน?" แล้ว “คุ้มไหมที่จะจ่ายแพงกว่า?” เพราะราคาในร้านค้าออนไลน์ หรือ ในแอพขายของยอดฮิต ก็ถูกแสนถูก แต่พอไปดูในเน็ต ค้นหาข้อมูลในพันทิป กลับเจอแต่คนเชียร์หรือรีวิวว่ารองเท้าผ้าใบยี่ห้อแพงๆ มันดีเหลือเกิน ตกลงเราควรซื้อแบบไหนกันแน่ บทความนี้จะพาคุณไปไขข้อสงสัย พร้อมเจาะลึกผลกระทบต่อสุขภาพ และเหตุผลว่าทำไมแบรนด์แพงถึงยังขายดีแม้ราคาแรง ซึ่งตรงนี้ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า มาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยซื้อทั้งรองเท้าถูกๆ มาใช้ตลอดระยะเวลาหลายปี และก็ซื้อรองเท้าแพงๆ มาใส่ด้วยเช่นเดียวกัน

รองเท้าผ้าใบถูก vs แพง แตกต่างกันตรงไหน แบบไหนดีกว่ากัน

ปล. บอกไว้ก่อนเลยว่า นี่คือสถานการณ์ที่คุณมีเงินในกระเป๋า มีงบประมาณก้อนนึงที่อยากซื้อรองเท้าผ้าใบมาใส่เพื่อดูแลสุขภาพเท้าตัวเองแบบจริงๆ จังๆ แต่ยังคิดไม่ตกว่า จะซื้อของแพงก็กลัวจะไม่คุ้ม คือ ใส่แล้วมันดีจริงป่าวว้า? หรือ ซื้อของถูกไปก็กลัวเสียเงินฟรี เพราะซื้อมาแล้วใส่เดินก็เจ็บเท้า แล้วก็ต้องหาซื้อคู่ใหม่ที่แพงขึ้นอีก กลายเป็นเสียเงินเยอะขึ้นโดยใช่เหตุ 

วิเคราะห์จากประสบการณ์ รองเท้าผ้าใบถูก vs แพง ต่างกันตรงไหน?

ความแตกต่างด้านวัสดุและการผลิต

รองเท้าถูก

  • มักใช้วัสดุสังเคราะห์ทั่วไป เช่น ยางพาราเกรดต่ำ ผ้าตาข่ายบาง ก็เลยทำราคาออกมาได้ถูก ถ้าเราจับ เราบีบ เราก็อาจรู้สึกว่า มันดีนะ มันก็นุ่มดี โอเคอยู่ แต่นั่นคือ มาจากแรงบีบ แรงกดจากนิ้วมือเรา เทียบไม่ได้กับแรงกดจากน้ำหนักตัวเราเมื่อสวมใส่ ดังนั้น ตรงนี้อาจจะบอกไม่ได้ว่า แค่จับแล้วรู้สึกว่าวัสดุมันดี และมันก็สมเหตุสมผลอยู่แล้วป่ะว่า ถ้าอยากทำราคาได้ถูก ก็ต้องใช้วัสดุที่มีราคาถูก ดังนั้นแล้วคุณภาพก็ตามราคานะครับ

  • กระบวนการผลิตเป็นแบบ Mass Production ไม่เน้นความละเอียด ตรงนี้สำคัญ ในแง่ของอุตสาหกรรม ถ้าอยากได้ของราคาถูกๆ ต้องผลิตด้วยเครื่องจักรและทำออกมาได้ทีละมากๆ จะลดต้นทุนได้เยอะ กระบวนการขั้นตอนก็ไม่ต้องซับซ้อนมาก จะลดค่าใช้จ่ายไปอีกเป็นเท่าตัว

  • แผ่นรองเท้า (insole) และพื้นรองเท้า (outsole) มักไม่มีเทคโนโลยีซับแรงกระแทก ไอ้คำว่า ซับแรงกระแทกนี่สำคัญมากๆ นะครับ เพราะมันจะส่งผลระยะยาวต่อเข่าของเรา หากเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่ อาจจะแค่รู้สึกเมื่อยๆ แต่นั่นแหละ มันจะสะสมไปเรื่อยๆ และทำให้เราปวดเข่าตอนแก่ ตอนอายุ 40 อัพได้เลย 

รองเท้าราคาแพง

  • ใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น หนังแท้ ผ้าตาข่ายชนิดพิเศษ EVA foam, TPU หรืออื่นๆ ก็ว่ากันไป ตอนจับอาจไม่รู้สึกอะไร แต่เวลาใส่จะรู้สึกได้ทันที ทั้งความนิ่ม ความหนึบ ค่อนข้างชัดเจนตอนใส่

  • มีการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสรีระศาสตร์ อันนี้คงไม่ต้องอธิบายเยอะ แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ที่คุณรู้สึกเชื่อมั่นศรัทธาด้วย อันนี้ลองดูตามความชอบในเรื่องการออกแบบตามสไตล์ของแต่ละคนไปนะครับ

  • มีเทคโนโลยีเฉพาะ เช่น Air Cushion, ZoomX, Boost, Gel และบลาๆ ไอ้ชื่อพวกนี้ไม่ต้องไปจำ เอาเป็นว่า เทคโนโลยีพวกนี้เขาคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยซับแรงกระแทกและทำให้เดิน หรือ วิ่งสบายขึ้น ส่วนรสชาติ หรือความชอบของแต่ละคนจะชอบแบบไหน อันนี้ก็แล้วแต่เลยครับ มันเหมือนรสชาติอาหารจะไปให้รู้สึกเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้ คนนึงชอบเทคโนโลยีจากรองเท้ายี่ห้อนี้ แต่อีกคนอาจจะไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องปกติ ก็ลองไปใส่ ลองเดิน ลองทดสอบกันได้ที่ร้าน ดีที่สุดครับ

ความสบายในการสวมใส่

รองเท้า On Cloud 6 ใส่แล้วรู้สึกแตกต่างจากรองเท้าราคาทั่วไปในตลาดจริง
รองเท้า On Cloud 6 ใส่แล้วรู้สึกสบายเท้าจริง คือ มันรู้สึกได้ชัดมากเลย แตกต่างอย่างชัดเจน
  • รองเท้าแพงมักให้ความรู้สึก “พอดี” กับรูปเท้ามากกว่า อันนี้จริงซะเป็นส่วนใหญ่ จากที่ลองในหลายๆ แบรนด์ หลายๆ รุ่น ที่มีราคาแพง จะมีความพอดี เข้ารูปกับเท้ามากกว่า ต่างจากรองเท้าราคาถูกที่ไม่ได้ "พอดี" แต่แน่น หรือไม่ก็หลวมไปเลย ทำให้เกิดความไม่สบายเท้าเวลาใส่เดินเป็นเวลานานๆ 

  • ให้การซัพพอร์ตเท้าทั้งอุ้งเท้า ส้นเท้า และข้อเท้า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้และกิจกรรมที่นำไปใช้ด้วย เช่น ถ้าคุณเอารองเท้าที่เขาออกแบบมาสำหรับเดิน (Walking) ไปใส่วิ่ง (Running) แบบนี้ย่อมปวดเท้าแน่นอน หรือเอารองเท้าสำหรับวิ่งมาใส่เดิน สำหรับบางคนที่ใส่เดินนานๆ ก็อาจจะรู้สึกไม่สะดวก หรือ เมื่อยขา เมื่อยเท้าก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละคนไป (อย่างไรก็ตามการเอารองเท้าวิ่งมาใส่เดิน จะส่งผลเสียน้อยกว่ากับเท้าและเข้า ขึ้นอยู่กับ Genetic ของแต่ละคน และที่สำคัญ พื้นรองเท้าอาจจะสึกหรอเร็วกว่าปกติก็เป็นได้)

  • ลดแรงกระแทกและความเมื่อยล้าเมื่อสวมใส่นานๆ ก็ด้วยเทคโนโลยีดูดซับแรงกระแทก และวัสดุที่ใช้มันดีไง มันเลยลดแรงกระแทกที่ส่งไปถึงหัวเข่าของเราได้เป็นอย่างดี

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องเดินหรือยืนนานทั้งวัน เช่น ครู พยาบาล พนักงานร้านค้า 

  • ในขณะที่รองเท้าราคาถูกมักไม่มีฟังก์ชันเหล่านี้ ทำให้เกิดอาการปวดเท้า ปวดหลัง หรือปวดเข่าในระยะยาวได้

อายุการใช้งาน

  • รองเท้าราคาถูก: โดยเฉลี่ยใช้งานได้ 6 เดือนถึง 1 ปี ก่อนพื้นจะสึกหรือรองเท้าเสียรูป ผมเคยใช้แบบพื้นมันเอียงไปด้านนึงเลย สึกจนลายที่พื้นรองเท้าหายไปเลย พังค่อนข้างเร็วจริง ก็ด้วยวัสดุที่ไม่ได้ทนทานอะไรมากซึ่งมันก็ถูกต้องแล้วล่ะ

  • รองเท้าราคาแพง: ใช้งานได้หลายปีหากดูแลดี และเปลี่ยนแผ่นรองพื้นได้ (สำหรับบางรุ่น) ซึ่งอันนี้จริงแท้แน่นอน ยิ่งถ้าไม่ได้ใช้สมบุกสมบันอะไรมากมาย 3-5 ปีนี่คือ ยังใหม่และใช้ได้สบายๆ นะ

  • แม้จ่ายแพงกว่าครั้งแรก แต่หากมองในมุม “ต้นทุนต่อการใช้งาน” รองเท้าแพงอาจคุ้มกว่า ซึ่งอันนี้ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ ผมลองมาแล้ว มันคือความจริง ลงทุนแพงหน่อย แต่คุ้มค่าแน่นอนครับ

ผลต่อสุขภาพระยะยาว

รองเท้าดีมีผลต่อสุขภาพอย่างไร?

  • ช่วยจัดระเบียบท่าทางการเดิน ช่วยได้ไม่มากก็น้อย 

  • ลดแรงกระแทกต่อข้อเท้า เข่า และสะโพก 

  • ลดความเสี่ยงการเกิดรองช้ำ (Plantar Fasciitis), เข่าเสื่อม, หรืออาการปวดหลัง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

รองเท้าคุณภาพต่ำส่งผลอย่างไร?

  • เท้าแบนจากการไม่มีซัพพอร์ต

  • เกิดอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อเรื้อรัง

  • เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นหรือข้อเท้าพลิก
  • หากใช้ผิดประเภท หรือ ฝืนใช้ผิดลักษณะ อาจส่งผลเสียถึงข้อเท้า เข่า และสะโพก ในระยะยาวได้

ทำไมรองเท้าแพงถึงยังขายได้?

รองเท้าแพง ไม่มีใครอยากซื้อใส่กันหรอก มีใครบ้างที่ไม่อยากได้ของดีราคาถูก
รองเท้า On Cloud ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6,xxx - 7,xxx บาท แต่ก็ยังมีคนซื้อไปใส่กันมากมาย เพราะคุณภาพและความเป็นแฟชั่นนี่แหละ คล้ายๆ กับ iPhone ในวงการรองเท้าเลยก็ว่าได้

  • แบรนด์และความเชื่อมั่น: ผู้บริโภคเชื่อมั่นในมาตรฐานคุณภาพและการรับประกัน

  • แฟชั่นและภาพลักษณ์: แบรนด์ดังเช่น Nike, Adidas, On, Hoka, หรือ New Balance กลายเป็นสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์ที่คนส่วนใหญ่นิยมกัน ก็เหมือนยี่ห้อของมือถือนั่นแหละครับ แค่เห็นโลโก้ หรือ รุ่น ก็รู้แล้วว่าเป็นคนสไตล์ไหน

  • เทคโนโลยีที่เหนือกว่า: รองเท้าหลายรุ่นใช้เทคโนโลยีเดียวกับนักกีฬาอาชีพมาเป็นจุดขาย

  • ความทนทานและประสบการณ์ผู้ใช้: เมื่อผู้ใช้รู้สึกว่ารองเท้าคู่หนึ่งช่วยให้เดินสบายขึ้น ก็พร้อมจ่ายแพงเพื่อสุขภาพ

รองเท้าผ้าใบถูก vs แพง ควรเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบแบบไหน?

สรุปสั้นๆ ง่ายๆ หากคุณใช้งานทั่วไป ไม่ได้เดินเยอะ และงบประมาณจำกัด รองเท้าราคาประหยัดก็พอใช้ได้ ไม่ต้องไปคิดมาก หรือ เน้นสุขภาพมาก ดูเงินในกระเป๋าเราก่อนเป็นสำคัญ

แต่หากคุณต้องเดินหรือยืนนาน มีปัญหาสุขภาพเท้า หรือต้องการรองเท้าที่ใส่แล้ว “รู้สึกดี” และที่สำคัญมีงบประมาณสำหรับซื้อรองเท้าที่มีราคาแพงขึ้นมาหน่อยได้ ผมก็แนะนำลงทุนในรองเท้าที่มีคุณภาพ แม้ราคาสูง มันก็คุ้มค่าอยู่ครับ

เพราะเท้าคือฐานของร่างกาย การเลือกรองเท้าที่ดีจึงไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น แต่คือการลงทุนในสุขภาพระยะยาว ซึ่งไอ้คำว่ายาวที่ผมพูดคือ ไม่ได้แปลว่าต้องใช้รองเท้าคู่นี้ไป 10 ปี อะไรแบบนั้น แต่การเลือกใช้รองเท้าที่ดีต่อสุขภาพเท้าและเข่าของเรา ก็เพื่อถนอมเอาไว้ให้เรามีเข่าและขาที่แข็งแรงในช่วงวัยทอง 50 ปี ขึ้นไปแล้วนั่นเอง เรียกได้ว่า จะทำอะไรก็คิดถึงระยะยาวเอาไว้ 

แต่ถ้างบยังไม่มี ก็ยังไม่ต้องคิดเรื่องนี้ เอาตามที่มีงบและจ่ายไหวไปก่อน ไม่ต้องแบบว่า รูดบัตรและยอมเป็นหนี้เพื่อรองเท้าแพงๆ ที่ใส่แค่เดือนละ 1-2 วัน แบบนี้ก็ไม่ใช่นะครับ เพราะเมื่อก่อนตอนยังเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่มีตังค์ก็รองเท้าโรงเกลือไปก่อน พอเก็บตังค์ได้ก็ค่อยขยับมาแบบที่มีแบรนด์ และคุณภาพดีๆ ในภายหลัง โอเคนะ

ใหม่กว่า เก่ากว่า